เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งต่างกล่าวอ้างว่า สามารถทำให้ผิวพรรณสดใส ผิวเนียน ลื่น ดูอ่อนเยาว์หลังจากที่ได้ใช้ หรือแม้กระทั้งบางครั้ง พูดถึงสรรพคุณของคอลลาเจนว่าเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูก และสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อได้ แต่ความเป็นจริงแล้วจะเป็นไปตามที่ผู้ขายหรือบริษัทได้โฆษณาไว้หรือเปล่า ? ซึ่งหลายคนอาจจะซื้อมาใช้ โดยที่ยังไม่รู้ถึงสรรพคุณของมันจริงๆ หรือใครที่กำลังสนใจในผลิตภัณฑ์คอลลาเจนอยู่ … วันนี้เรามาหาคำตอบด้วยกัน
คอลลาเจนคืออะไร?
เรามาเริ่มทำความรู้จักกับคอลลาเจนกันก่อนดีกว่า คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโนหลายชนิด จะสามารถพบได้ตามกระดูก กระดูกอ่อน และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงมีการนำคอลลาเจนไปใช้ในคนไข้โรคข้อเข่าเสื่อม คนที่มีภาวะกระดูกบางหรือกระดูกเปราะ
ซึ่งคอลลาเจน เป็นสิ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้และได้รับจากอาหารหลายประเภทแต่ในคนที่มีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไปพบว่าร่างกายผลิตคอลลาเจนลดลงหรือในบางคนรุนแรงถึงขั้นร่างกายหยุดผลิตคอลลาเจนไปเลย เช่นผู้ที่มีปัจจัยบางอย่างทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย เช่นผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่มีความเครียด ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นต้นจึงได้รับคอลลาเจนที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้มีอาการปวดเข่า เข่ามีเสียงกร๊อบแกร๊บ ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวก ผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียนและเกิดริ้วรอยได้
คอลลาเจนช่วยอะไรเรา ?
ในด้านความงามและสุขภาพผิว ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเสริมคอลลาเจนเข้าไปเสริมคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่คอลลาเจนที่ชั้นผิวหนังที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งอันตรายต่อผิว เช่น แสงแดด ในทางทฤษฎี คอลลาเจนนั้นสามารถบำรุงผิวพรรณได้ แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีผลวิจัยที่ระบุแน่ชัดถึงความสามารถของอาหารเสริมคอลลาเจนต่อสภาพผิวของมนุษย์ แต่งานวิจัยในปี 2014 ระบุว่า 15% ของผู้เข้าร่วมทดลองรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนเป็นเวลา 60 วัน ริ้วรอยที่มีและรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังลดลง ทั้งนี้ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและโครงสร้างผิวหนังของแต่ละคน
คอลลาเจนบำรุงกระดูกได้จริงหรือ ?
เมื่อนึกถึงคอลลาเจน หลายๆ คนคงนึกถึงเรื่องบำรุงผิวพรรณ และการชะลอริ้วรอย แต่คอลลาเจนนั้นยังมีประโยชน์ทางด้านการแพทย์อีกด้วย เพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับข้อต่อ กระดูก อาการเจ็บหลังการผ่าตัด ลดอาการปวดและความเสื่อมภายใน คอลลาเจนพบมากในเนื้อเยื่อกระดูกและข้อต่อของร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนที่อาจช่วยในเรื่องของการเสื่อมตัวและอาการเจ็บปวดจากโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อนั้น เป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type 2)
คอลลาเจนชนิดที่ 2
คอลลาเจนแบ่งได้เป็นหลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้มากในร่างกายของเรามี 5 ชนิด และชนิดของคอลลาเจนที่มีความสำคัญกับกระดูกก็คือ คอลลาเจนชนิดที่ 2 ( Collagen Type II ) คอลลาเจนชนิดที่ 2 ช่วยเพิ่มระดับ “กรดไฮยาลูนิค” ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อเลี้ยงในข้อ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำหล่อเลี้ยงข้อ เรียกได้ว่าเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูก
คอลลาเจนชนิดที่ 2 สามารถพบได้มากที่บริเวณเนื้อเยื่อกระดูกและข้อต่อกระดูกในร่างกายมนุษย์ จากงานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิภาพของคอลลาเจนชนิดที่ 2 หรือคอลลาเจนบำรุงกระดูก พบว่า คอลลาเจนชนิดนี้สามารถถูกดูดซึมผ่านลำไส้และไปสะสมที่กระดูกอ่อนได้ กลไกการทำงานของคอลลาเจนชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูก ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับข้อต่อและข้อต่อเสื่อมมีอาการดีขึ้น
ทานคอลลาเจนเวลาไหน ดีที่สุด?
นักโภชนาการได้แนะนำว่า การรับประทานคอลลาเจนนั้น สามารถทานได้ทุกเวลาตามสะดวก ตามต้องการ ไม่ว่าจะรับประทานควบคู่กับอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ชอบก็ได้ เพราะว่าคอลลาเจนนั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าหากอยากให้คอลลาเจนส่งผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือรับประทานตอนที่ท้องยังว่าง เพราะช่วงเวลาที่ท้องว่างนั้น ระบบการทำงานของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ (คอลลาเจน จะดูดซึมเข้าร่างกายได้ โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย ดังนั้นทานคอลลาเจน 2-3 ชม. หลังอาหารจะดีที่สุด) สิ่งที่สำคัญเลยถ้าหากว่าอยากให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากที่สุด คือควรรับประทานคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยรับประทานพร้อมกับน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงๆ เพราะว่าวิตามินซีมีส่วนช่วยในกระบวนการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง
งานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจน
งานวิจัยพบว่า คอลลาเจนที่สกัดจากอกไก่สามารถลดอาการอักเสบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง เยื่อบุข้อจะเจริญงอกงามขึ้นเยอะจนลุกลาม และทำลายกระดูก นักวิจัย David C. Crowley และคณะ ทำการศึกษาผู้ป่วย 52 คนที่ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โดยใช้วิธีการสุ่มเลือก และให้ผู้ป่วยบางกลุ่มรับประทานคอลลาเจนชนิดที่ 2 ขนาด 40 มิลลิกรัมต่อวัน และอีกกลุ่มให้รับประทานสารสกัดชนิดอื่น (กลูโคซามีน และคอนดรอยติน) เป็นระยะเวลา 90 วัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็น คอลลาเจนบำรุงกระดูก สามารถลดอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ถึง 33% ในขณะที่สารสกัดชนิดอื่นสามารถลดได้เพียง 14%
ยังมีการทดลองหนึ่ง ที่ให้สมาชิกชมรมกีฬาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บางกลุ่มจากทั้งหมด 147 คน ดื่มเครื่องดื่ม 25 มิลลิลิตร ซึ่งมีส่วนผสมเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูกขนาด 10 กรัม เมื่อการทดลองจบลง พบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 คอลลาเจนบำรุงกระดูกสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดข้อให้ลดลง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคอลลาเจนชนิดนี้ ช่วยลดโอกาสการเสื่อมของข้อต่อ และช่วยส่งเสริมสุขภาพข้อต่อได้ เป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูกได้อย่างแท้จริง
ปี 2016 นักวิจัย James P. Lugo ทำการศึกษาประสิทธิภาพในด้านการช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบของข้อเข่าเสื่อม และความปลอดภัยของคอลลาเจนชนิดที่ 2 คอลลาเจนที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูก ในกลุ่มคนจำนวน 191 คน โดยแบ่งผู้ทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม ให้รับคอลลาเจนขนาด 40 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน พบว่า คอลลาเจนชนิดที่ 2 คอลลาเจนบำรุงกระดูกสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้เป็นอย่างดีและปลอดภัย
คอลลาเคนโกะ
คอลลาเคนโกะ มีทั้งคอลลาเจนชนิดที่ 1 และคอลลาเจนชนิดที่ 2 เสริมด้วยสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้นและสารอาหารอื่นๆ อย่าง สารสกัดจากโรสฮิป วิตามิซี วิตามินดี วิตามินเค แคลเซียมและผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม ที่จะมาช่วยบำรุงกระดูก ข้อต่อให้แข็งแรง